ล่าสุดจากการรายงานของ Mashable ได้นำสถิติของแหล่งที่นำเข้าสู่การชมวีดิโอคลิป(Top Referer) แซงหน้า Yahoo, google และ facebook แบบไม่เห็นฝุ่น
จากกราฟด้านล่างจะเห็นว่า Read More →
ล่าสุดจากการรายงานของ Mashable ได้นำสถิติของแหล่งที่นำเข้าสู่การชมวีดิโอคลิป(Top Referer) แซงหน้า Yahoo, google และ facebook แบบไม่เห็นฝุ่น
จากกราฟด้านล่างจะเห็นว่า Read More →
มีน้องๆและพี่ๆ ที่ Office มาขอคำปรึกษาเรื่องการทำเว็บไซต์ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่ จะเป็นคำถามว่า จะทำเว็บ จะต้องไปเรียนทำเว็บไซต์ที่ไหน แล้วจะทำเว็บไซต์ให้สวยได้อย่างไร ผมอยากจะทำเว็บไซต์แบบนี้ แบบเว็บนี้เลย อะไรทำนองนี้ ถ้าเป็นเมื่อ 10 กว่าปีก่อนผมก็คงแนะนำให้ไปเรียน HTML หรือ ภาษา Programining อย่าง PHP JSP หรือ ASP และก็เรียนรู้เรื่องการออกแบบ การดีไซน์ การใช้เครื่องมือพวก Photoshop หรือ Firework หรือไม่ก็ Photo Editing อะไรทำนองนั้น หรือไม่ก็ไปเรียนรู้การใช้ Web Editor ที่เป็นแบบ WSIWYG อย่างพวก Dreamweaver, Go Live(สมัยก่อน Adobe ทำออกมาและเป็นคู่แข่งกับ Dreamweaver), Namo Editor,MS Frontpage ฯลฯ Read More →
ไม่ขอมากความครับ เข้าเรื่องเลย ต่อไปนี้เป็นวิธีเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย Blog โดยนาย Doug Varga ที่ไปอ่านเจอใน cnet.com มาดูดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง
โพสก์หน้ามาต่อกันครับ
หากคุณลองค้นหาเว็บไซต์ที่อยู่ใน Industry หรือ เว็บไซต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกับเว็บไซต์ของคุณ จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้ว โครงสร้างและเนื้อหาในเว็บไซต์ไม่ได้แตกต่างกันนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์ที่เป็น Corporate Website แล้ว แนวทางในการนำเสนอข้อมูลในเว็บก็หาความแตกต่างได้ยาก
จากประสบการณ์ที่ได้ผ่านเว็บไซต์ประเภท Corporate Website มาก็หลาย Website ทำให้ผมหวลคิดถึงวิธีที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ในอดีต หลายๆครั้งผมมักจะใช้ website ของคู่แข่งในการเป็น Benchmark หรือตัวเปรียบเทียบผสมผสานกับการระดมความคิดจากเจ้าของ Content อย่างเช่นถ้าเจ้าของ content เป็นฝ่ายดูแลผลิตภัณฑ์ ทางผู้ดูแลผลิตภัณฑ์ก็จะนำข้อมูลสินค้าออกมานำเสนออย่างที่ผู้ดูแลต้องการ หรือ ผู้บริหารระดับสูงอยากนำข้อมูลสำคัญที่ผู้ชมเว็บควรรู้ก็จะนำเสนอออกมาอย่างตรงไปตรงมา จนบางครั้งละเลย ความต้องการที่แท้จริงของผู้ชมเว็บไซต์ ซึ่งการสร้างเว็บไซต์โดยวิธีนี้ ผมขอเรียกมันว่า การสร้างเว็บไซต์แบบ Inside-Out ซึ่งเป็นการสร้างเว็บไซต์โดยผ่านความคิดของกลุ่มผู้พัฒนาเว็บไซต์ ซึ่งผลที่ได้นั้น เมื่อผู้ชมเข้าเว็บไซต์แล้วกับไม่ได้ทำให้ผู้ชมติดตามเว็บไซต์ต่อหรืออ่านหน้าเว็บเพียงผ่านไป เหตุผลก็เพราะ สิ่งที่เรานำเสนอนั้นจริง ๆ แล้วถูกใจเรา แต่ไม่ได้ถูกใจผู้ชมเสมอไป
ดังนั้น การพัฒนาเว็บไซต์ด้วยวิธีกลับกันจึงเกิดขึ้นซึ่งผมขอมันเรียกว่า ” การสร้างเว็บไซต์แบบ Outside-In “ การสร้างเว็บไซต์แบบนี้เป็นการมุ่งสร้างแรงดึงดูดให้กับเว็บไซต์ และทำให้ผู้ชมอยู่กับเว็บไซต์เรานานขึ้น แต่การที่จะทำให้เกิดจุดนั้นได้ เราจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ด้วยการตั้งคำถามว่า หากคุณเป็นกลุ่มเป้าหมาย คุณอยากรู้อะไร อยากได้อะไรจากเว็บไซต์ของเรา
แน่นอน มันคือความท้าทาย เพราะเราจะต้องเริ่มถอดความคิดของเราออกมาแล้วให้กลุ่มเป้าหมายมาอยู่ในความคิดเราแทน แต่สำหรับ webmaster หรือ Web Developer มันก็น่าท้าทาย ใช่มั้ยครับ
Tags: website, website development, corporate website, web design, สร้างเว็บไซต์
ใน ข้อเสนอ(Offer)ที่ยากปฏิเสธ 2 ผมเล่าถึงหลัก 3 ถูกในการส่ง Direct Mail (DM) หรือ e-DM (E- Direct mail หรือ email marketing)ได้แก่ ถูกกลุ่ม ถูกใจ ถูกกาล โดยหยิบข้อแรกที่พูดถึงการส่งถูกกลุ่ม คือการเลือกกลุ่มที่จะส่งให้ถูกต้อง
2.ถูกใจ คำก็บอกอยู่แล้วว่า ถูกใจ หรือที่ภาษาอังกฤษเข้าเรียก satisfied หากคุณต้องการให้ผู้รับตอบกลับแต่สิ่งที่คุณเสนอกลับเป็นสิงที่เขาไม่ต้องการก็เสียเวลาและเงินตราโดยเปล่าประโยชน์ เหมือนกับเวลาคุณกำลังจีบหญิงหรือหนุ่มก็ไม่ว่า เวลาไปออกเดททานอาหารเย็น เขาหรือเธอรักสุขภาพชอบทานน้ำผลไม้ แต่คุณดันสั่งไวน์เสียนี่ เขาหรือเธอก็คงคิดว่าตานี่หรือยัยนี้ขี้เมาเปล่านะ
3.ถูกกาล คุณเคยอยากได้ในสิ่งบางสิ่งที่คุณไม่มีปัญญาที่จะหามาหรือต้องรอกว่าจะได้สิ่งนั้นมา แล้วเมือเวลาผ่านไปความต้องการก็ลดลงเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกอยากในที่สุดมั้นครับ ตรงนี่ผมขอโยนคำถามง่ายๆว่า “คุณจะรอให้เขาหมดความอยากไปหรือไม่ ? ”
นั่นแหละครับคือหลัก 3 ถูกที่ผมใช้
ผมขอเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านไม่นานนี้เองครับ โดยนำหลัก 3 หลักนี้มาใช้ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทที่ผมทำงานอยู่ได้ไปออกงาน Event ซึ่งเป็นงานที่กลุ่มคนรักการตกแต่งบ้าน สถาปนิก วิศวกร เจ้าของโครงการบ้าน คอนโด หรือผู้อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะไปชมงานเพื่อหา Idea ในรังสรรค์บ้าน ตึก หรือโครงการของตนเอง รวมทั้งหาคู่ค้าหรือ Supplier ที่เหมาะสม บริษัทที่ผมทำอยู่ออก Event ทุกปีครับ แต่ปัญหาที่เกิดคือ หลังจากจบงาน แม้เราได้ Database กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจากการเข้าลงทะเบียนชมBooth แต่ไม่ได้การทำกิจกรรมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างเนื่อง ทำให้ฐานข้อมูลที่ได้มากลายเป็นขยะข้อมูล
มาในปีนี้ เป้าหมายหนึ่งของการเก็บฐานข้อมูลผู้เข้าชม booth คือการสร้างฐานข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แยกกลุ่มเป้าหมายออกเป็นกลุ่มหลัก(เราเรียกกลุ่มนี้ว่า มืออาชีพ)และกลุ่มรอง ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มก็ยังมีการแยกย่อยออกมาเองเพื่อที่ในการทำ CRM และเพื่อให้ได้ Lead ที่ชัดเจน แต่ผมคงไม่ขอพูดว่ากลุ่มย่อยมีอะไรบ้าง จากนั้นเริ่มทำแคมเปญที่ต้องผ่านสืออิเล็คทรอนิกส์(e-Marketing Campaigns)อย่างต่อเนื่อง
ในขั้นแรกที่ทำคือการเก็บฐานข้อมูล ผู้ที่เข้าชมบู๊ทของบริษัทจะต้องกรอกข้อมูลชื่อเบอร์/โทร.มือถือ/email/อาชีพ จะสังเกตุว่า ผมไม่เก็บข้อมูลที่อยู่ ทำไมน่ะหรือ ??? ก็จะได้มีลูกเล่นต่อไงล่ะครับ เดี๋ยวได้รู้กันครับว่าทำไ