สัมมนาฟรี! โดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) หัวข้อเรื่อง

“จับขาช็อปยุคใหม่ให้อยู่หมัด สยบทุกช่องทางด้วย Omni-Channel Marketing”

ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.00-16.30 น. ณ อาคารมิว วิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล ถ.วิภาวดีรังสิต Student Lounge ชั้น 5 ห้อง 503

รับเพียง 100 ที่เท่านั้น ลงทะเบียน > http://bit.do/omniregister

Omni-Channel Marketing Seminar

omni-channel-guest

 

ปัจจุบันสื่อดิจิทัลกำลังมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้น จากแพลตฟอร์มที่ หลากหลาย และการมีอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องการใช้ประโยชน์จากช่องทางดิจิทัลในการค้นหาข้อมูลรายละเอียดของสินค้า ดูความคิดเห็นของผู้ที่เคยใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆมาก่อน เปรียบเทียบราคาสินค้า และเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกันลูกค้าก็ยังต้องการที่จะได้เห็น และจับต้องสินค้าโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านค้า ออนไลน์ ยังไม่สามารถทำได้ แม้ความชอบของลูกค้าในแต่ล่ะช่องทางการซื้อขายมีความแตกต่างกัน แต่การปรับช่องทางการขายให้ประสาน เชี่อมโยงกันทั้งของหน้าร้านและร้านค้าที่เป็น ออนไลน์ เป็นสิ่งที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้าในยุคนี้

หัวใจสำคัญในการนำร้านค้าไปสู่ลูกค้าในยุคปัจจุบัน คือ ลูกค้าต้องเข้าถึงร้านค้าได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะผ่านทางโลก Online, Application, Smartphone หรือผ่านตัวร้านค้าเอง สิ่งเหล่านี้จะสามารถผลักดันให้กลุ่มธุรกิจ SMEs หรือกลุ่ม E-commerce ในเมืองไทยเติบโตสูงขึ้น โดยธุรกิจที่มีเฉพาะช่องทางหน้าร้านแบบเดิมๆ จะต้องเปลี่ยนแปลงโดยการเพิ่มช่องทาง ออนไลน์ต่างๆมาใช้ร่วมกับช่องทางเดิมที่มีอยู่เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อขายสินค้านำไปสู่ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มีความน่าตื่นเต้น สามารถสร้างอารมณ์ร่วม และประสบการณ์การซื้อสินค้า รวมทั้งสร้างความผูกพันให้กับแบรนด์ ทำให้รักษาฐานลูกค้าเดิมได้ จนก่อให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

ดังนั้นเจ้าของธุรกิจในปัจจุบันจึงควรตระหนักและให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ รวมถึงต้องหาแนวทางในการรับมือและป้องกันกับปัญหาซึ่งอาจจะเกิดขึ้น โดยใช้การตลาดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Omni-Channel Marketing สร้างให้ธุรกิจสามารถดำเนินได้อย่างราบรื่นต่อไปในอนาคต

จากการนำเสนอ เรื่องปัจจัยในการปรับปรุงSEO ของคุณให้ดีขึ้นโดย Syndacast ในเว็บไซต์ thumbsup มีประเด็นใหม่น่าสนใจเลยขอหยิบมาเล่าครับ

Search Engine Optimization Factors ปัจจัยทำให้ขึ้นอันดับในSearch Engine

ปัจจัยที่ 1 ด้านเทคนิค

  • อันดับ 1 – Length of URL หรือ ความยาวของโดเมนเนม
  • อันดับ 2 – Keyword in Title หรือ keyword ที่ใช้ในส่วนของ  Title ในเว็บเพจของเรา
  • อันดับ 3 – Existence of Description หรือ เรามี keyword สำคัญๆอยู่ในส่วนของ Meta Description มั้ย

ปัจจัยที่ 2 ด้าน Responsive Web Design หรือ เว็บเรารองรับการดูผ่านบราวเซอร์บน desktop หรือ mobile มั้ย

  • 90 % ของผู้ใช้มือถือค้นหาเว็บจะสั่งซื้อสินค้า
  • 67 % ของผู้ใช้มือถือจะสั่งซื้อสินค้าที่ออกแบบเว็บให้สามารถอ่านได้บนมือถือ (Mobile-Friendly)
  • 61 % ของผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์จะกลับเข้ามาอีกถ้าเว็บไซต์นั้นอ่านง่าย

ปัจจัยที่ 3 ด้าน เนื้อหา หรือ Content

  • 89 % การใช้ Testimonial หรือคำชื่นชมจากลูกค้า หรือ การใช้เรทติ้ง เป็นการใช้ Content Marketing ที่ทรงประสิทธิภาพ
  • 65 % ของผู้ใช้เว็บไซต์ชอบดูภาพมากกว่าเนื้อหาแบบข้อความธรรมดา
  • Landing Page ที่มี วิดีโอ จะทำให้ Conversion เพิ่มขึ้นถึง 86%

ปัจจัย 4 ด้าน Social Media

  • เว็บไซต์ที่มี Google Plus Follower หรือ ผู้ติดตามใน Google+ มากกว่า 100 จะทำให้อันดับใน Google ดีขึ้น 14.63%
  • ถ้ามี Google+ Vote มากกว่า 300 โหวต อันดับจะดีขึ้น  9.44 %

นี่คือปัจจัยสำคัญๆที่ Syndacast เค้าไปทำสรุปเป็น Infographic ให้เราอ่านลองไปใช้กันดูครับ

ในการทำ Facebook Ads หรือ โฆษณาบน Facebook เป้าหมายหนึ่งคือ เมื่อกลุ่มเป้าหมายเห็น Ads แล้ว ก็คลิ๊กแล้วไปที่หน้าสินค้า และสั่งซื้อสินค้าจากเรา

หลายครั้งผมเห็นข้อผิดพลาดที่มักทำให้ Click – Through-Rate(CTR) สูงแต่กลับขายของได้ไม่ดี
ลองดูที่ภาพข้างล่างซิครับ

ข้อผิดพลาดที่ในการทำ Facebook Ads

adsที่ 1  – เมื่อคุณเห็น Ads จุดแรกที่เห็นคือ ลำโพงที่เหมือนจะเป็นลำโพง Bluetooth และ ตามด้วยหัวเรื่อง ad – ถูกกว่านี้ก็ฟรีแล้ว จากนั้นก็อ่านรายละเอียดทางขวา บอกเราว่า ลดถล่มแบบไม่สนใจ จาก 1,190 บาท เหลือ 599 บาท คลิกเลย แต่พอคลิก ไปยัง Landing Page กลับเจอหน้าแรก ผลคือ ในหน้านั้นมี สินค้าที่ตรงกับที่เราต้องการ แถมยังมีสินค้าให้เลือก หลากหลาย ผลคือ ลูกค้าหาสินค้าลำโพงตัวนั้นไม่เจอ หรือกว่าจะก็หมด Feeling จะซื้อพอดี

adsที่ 2- เห็นภาพสัตว์น่ารัก หัวเรื่อง ads บอกว่า “บริการณาปนกิจสัตว์เลี้ยง” ส่วนรายละเอียด – “ณาปนกิจสัตว์เลี้ยงแสนรัก การให้ครั้งสุดท้ายสำหรับเพื่อนที่ซื่อสัตย์และแสนดี” จากนั้นเมื่อคลิก Ads ก็พาเราไปหน้าที่ บอกว่า Service คือ บริการณาปนกิจสัตว์เลี้ยง บอกเบอร์โทร และ สถานที่ และ content ที่พอจะทำให้ปิดการขายได้

ฉะนั้น การทำ Landing Page ที่พุ่งตรงไปยังสินค้าที่เราลง Ads ไว้ โอกาสที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจย่อมลดลง แถมทำให้ ROI ในส่วนของ Order/ad Cost เพิ่มขึ้นด้วยครับ

จำไว้เสมอครับ เวลาเราลง Online Ads ไม่ใช่เพียงแค่ Facebook ads พวก  Adwords ของ Google  หรือ Email Marketing Ads ก็ใช้หลัก “หลักการบีบให้จอด” โดยการทำ Ads ให้ตรงเป้าหมาย ตรงกับ Ads มากที่สุด

“หลักการบีบให้จอด” ผมเปรียบเหมือน เวลาคุณขับรถไปจอดในตอนก่อนเปิดห้าง หรือ ที่ๆจอดรถ 100 คัน ตอนที่เข้าไปจอด มีที่จอดเหลือ 99  ที่ หากคุณไม่เคยมีที่ประจำ เวลาเราไปจอด ก็จะเห็นว่า ในสมองจะบอก จอดตรงนั้นก็ดี จอดตรงนี้ก็ดี เลือกไม่ถูก แม้จะจอดไปแล้ว แต่ก็นึกๆดูอีกที อีกที่ดีกว่า แต่ถ้าเปลี่ยน ห้างหรือตึกน้ัน ตั้งป้าย ที่จอดนี้ดีที่สุด 2 ที่เวลานี้ เราก็จะเลือกจอด 1 ใน 2 ที่ ตรงเป้าหมายของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายคนขับก็สบายใจมีคนแนะนำ ฝ่ายอาคารก็สบายใจ จอดกันไม่สเปะสปะ

การทำ  Landing ก็เหมือนกันครับ Landing Page คือหน้าเว็บที่คุณต้องการพากลุ่มเป้าหมายไปหน้านั้น หากคุณต้องการปิดการขายสินค้าตัวใดก็พาไปที่ตัวนั้นหน้านั้น ส่วนจะขายอย่างอื่นก็ลองอาศัย เมนู Recommended Product อะไรก็ได้เพื่อเพิ่มยอดขาย หรือ หากอยากให้ลูกค้าลงทะเบียนสมาชิกก็พาเค้าไปที่หน้า ลงทะเบียนเลย หรือ อย่างมากอาจจะมี เงื่อนไขการสมัครแล้วก็ไปยังหน้าสมัครสมาชิก

ลองใช้หลักนี้กันดูนะครับ ^  ^

 

 

 

ปกติ เวลาเราดูหนังสือพิมพ์แล้วเจอโฆษณาที่ไม่ค่อยหน้าสนใจ เรามักจะเปิดผ่าน เอเจนซี่โฆษณาหัวใสในโคลัมเบียเลยสร้างโฆษณาที่ทำให้ผู้อ่านต้องหยุดที่หน้านั้นด้วยการทำ โฆษณาแบบ 3 มิติ เหมือนกับคุณกำลังมองห้องครัว โดยทำให้หน้านั้นเป็นหน้า Classified หรือหน้าที่ไว้ลงโฆษณาย่อยๆพวกรับสมัครงาน กู้เงินด่วน ขายอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ​ นั่นแหล่ะครับ

Ads 3 มิติ

โดยโฆษณาชิ้นนี้ ต้องการโฆษณาห้างขายเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์แต่งบ้าน ที่ชื่อ “Hiper Cento Corona” จากโฆษณาจะเห็นว่าเหมือนกับเรากำลังอ่าน Classified อยู่แต่จริงๆ แต่จะเป็นลักษณะรูป Perspective ที่จะเห็นห้องครัวมีทั้งเตา ชั้นวางเครื่องครัว หรือแม้แต่ที่ดูดควัน ไอเดียนนี้ช่างสร้างสรรเสียจริงๆครับ ^ ^

3D kitchen Ads

 

แหล่งที่มา : http://designtaxi.com/news/364945/A-Creative-Attention-Grabbing-Newspaper-Ad-That-Looks-Three-Dimensional/